วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธีการดูแลร่างกาย









วิธีการดูแลร่างกาย
การที่ดำรงชีวิตได้อย่างมีความหมายนั้น นอกจากจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งสมบูรณ์อีกด้วยเมื่อร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ดีแล้ว จึงจะมีชีวิตที่สวยสดงดงามอย่างแท้จริง
ควบคุมดูแลลมปราณให้ไหลเวียนสะดวก หล่อเลี้ยงปรับสภาพร่างกายให้สมดุล ดำรงจิตใจให้เรียบสงบ น้ำลายเป็นของล้ำค่าแห่งกาย เมื่อของล้ำค่ามารวมกันก็จะกลายเป็นเศรษฐี เมื่อของล้ำค่ากระจัดกระจายก็จะกลายเป็นยาจก
เสียใจก่อนแล้วมีความสุขภายหลัง กิเลสตัณหาเบาบางย่อมสามารถหล่อเลี้ยงลมปราณได้
การยังชีพก็มิรู้สู้ประหยัดใช้ การดูแลร่างกายก็มิสู้การละลดกิเลสตัณหาให้น้อยลง
อย่ามัวแต่หยุดพักผ่อนเพื่อหาความสุข อย่าไปทุกข์กังวลเพราะมัวแต่เสาะแสวงหาจนเกินเลย
อย่าบังเกิดจิตใจที่คิดร้ายผู้อื่น อย่าใช้คำพูดประจบสอพลอหลุดออกมาจากปาก
ร่างกายที่แข็งแรงจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของจิตใจที่เข้มแข็งมั่นคง มิฉะนั้นจะก่อให้เกิดเหตุการณ์ทารุณขึ้นในสังคม ยิ่งทำให้โลกไม่สงบสุข
สิ่งที่ได้พบเห็นมากระจ่างชัดแต่กลับไม่แสดงออกถึงสิ่งที่ตนรู้
สิ่งที่รู้ได้สดับรับฟังมาอย่างชัดเจนแต่ไม่เก็บใส่ใจ
จิตใจที่เคยมีความรักความเมตตามา กลับไม่สนใจ
หากมีจิตใจโอบอ้อมอารี ตนเองก็จะพบความสุขที่แท้ จริง ไร้กิเลสไร้ความอยากจึงจะเป็นความสุขแห่งธรรมทุกขณะความคิดไม่บังเกิดก็จะสงบนิ่งเองโดยธรรมชาติไม่มีเรื่องราวค้างคาในจิตใจ ก็จะสามารถสงบได้นาน มีความเคารพในจิตใจ ก็จะเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง รักษาความเป็นหนึ่งเสริมสร้างความสมานฉันท์
หากจิตใจสงบนิ่ง ลมปราณจิตใจจะรวมเป็นธรรม มนุษย์มีสังขาร เมื่อลมหายใจสิ้นก็คือตาย จิตใจไม่วอกแวก จะได้ไม่ ต้องเหนื่อย ล้า
พลังใจถูกทำลาย ร่างกายจิตใจต้องแตกกระเจิง จิตใจสงบเกิดสติปัญญา จิตใจเคลื่อนไหว เกิดความเลอะเลือน
ใจรวมกับธรรม สัมผัสสิ่งใดก็ไม่หวั่นไหว หากร่างกาย สงบนิ่งจิตใจว่างเปล่า ก็จะพิจารณาได้ถึงความแยบยล
เคราะห์ภัยจะไม่หนักหนา ถ้ารู้จักควบคุมกิเลสตน ภัยจากกามกิเลสรูปนารีจะนำพาให้ถึงคุกตาราง
จะได้รับหรือไม่ได้รับ จิตใจก็คงจะสงบสบาย ร่างกายจิตใจรวมเป็นหนึ่ง จึงจะเป็นกายแท้ร่างกายจิตใจผสมผสานเสริมสร้างกัน ร่างกายจิตใจรวมกันเป็นหนึ่งจึงจะสามารถคงอยู่ชั่วนิรันดร์
หลังดื่มสุรางดพูดจา ระวังดูแลเรื่องเวลารับประทานอาหารจะบริโภคหรือสวมใส่ จะต้องดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
การชำระใจ คือเจ การป้องกันภัย คือศีล คำพูดที่ทำร้ายผู้คนนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าคมหอกคมดาบทิ่มแทงนับหมื่นเล่ม
ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินก็จงอย่าพูด ไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็จงอย่ากระทำ
น้ำมันหมดทำให้ตะเกียงดับ ไขข้อเนื้อเยื่อทรุดโทรมที่สุดคนก็ตาย เติมน้ำมันตะเกียงก็จะได้ลุกโชน บำรุงไขข้อเนื้อเยื่อ คนก็แข็งแกร่ง
พึ่งพาคนร่ำรวย คือยากจน พึ่งพาคนสูงศักดิ์ คือ ต่ำต้อยพึ่งพาผู้แข็งแกร่ง คืออ่อนแอ พึ่งพาคนฉลาด คือคนโง่
ความดีเล็กน้อยสะสม ก็ไม่อาจบรรลุมหาบารมี ความชั่วเล็กน้อยไม่ยุติ มหันตภัยก็จะถามหา
มีอารมณ์แจ่มใสเบิกบาน แต่ไม่มีร่างกายที่แข็งแรง ก็ไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข ฉะนั้นจึงต้องให้ความใส่ใจในการดูแลสุขภาพกายและใจออกกำลังกายเพื่อจะได้ไร้โรคภัย
มีร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า โรคภัยก็หนีหาย
ความโกรธเหมือนเพลิงไฟ คอยเผาไหม้ทำร้ายตนความ
โกรธแค้นเหมือนไฟโหม
ผลประโยชน์ความทะยานอยากเหมือนคมอาวุธ
เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกัน ก็มิสู้ดำรงอยู่อย่างสงบ
หล่อเลี้ยงญาณลมปราณสมบูรณ์
รักษาจิตใจร่างกายให้สบาย ใจสงบก็จะมีชีวิตซีวา
เมื่อมีชีวิตชีวาวาสนาก็ก่อเกิด
ความอดทนเป็นมิติแห่งใจ ไม่อดทน จะนำภัยมาสู่ตัว
ไม่โลภ ความกังวลก็จะน้อย ไม่สะสมก็ไม่มีการสูญเสีย สบายอกสบายใจไร้กังวล สงบนิ่งไร้ครุ่นคิด
ภัยเกิดจากเหตุเล็ก โรคภัยไข้เจ็บ
เกิดจากอาการเพียงเล็กน้อย
ไม่มีเคราะห์ภัยใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความตาย
ไม่มีวาสนาใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าเกิดเป็นคนและได้รับวิถีธรรม
กลั่นแกล้งฟ้าดิน ต้องพบกับความอัปมงคล
คล้อยตามฟ้าย่อมพบกับศิริมงคล
บำเพ็ญวาสนา ย่อมได้รับผลดีตอบสนอง
กระทำความชั่วเคราะห์ภัยถามหา
เสาะหาวาสนา ก่อนจะนิมิต ยุติเคราะห์ภัยก่อนจะเกิด
จะป้องกันเภทภัย จะต้องป้องกันระวังการกระทำ
จะรักษาโรคภัย จะต้องหลีกหนีเสียแต่แรกเป็นดี
วาสนาก่อนเคราะห์ภัย
ผลประโยชน์เป็นบ่อเกิดความหายนะ
วาสนาเกิดได้ด้วยความบริสุทธิ์มัธยัสถ์
บารมีเกิดได้ด้วยการรู้จักยอมต่ำต้อยผ่อนปรน
ธรรมเกิดได้ด้วยความสงบ ชีวิตเกิดได้ด้วยความสมานฉันท์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น